ประวัติ ความพยายามการก่อตั้ง ระบบ EMS ในประเทศไทย
พ.ศ.2480 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งให้บริการขนส่งศพไม่มีญาติ และต่อมาให้บริการรับส่งผู้ป่วย-บาดเจ็บฉุกเฉิน
พ.ศ.2513 มูลนิธิร่วมกตัญญูเริ่มให้บริการ โดยใช้หลักวิธีการเดียวกับมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
พ.ศ.2522 (ประมาณ) ในกรุงเทพมหานคร โรงพยาบาลตำรวจสร้างเครือข่ายรถพยาบาลฉุกเฉินร่วมกับโรงพยาบาลอื่นๆ และศูนย์ส่งกลับให้บริการ prehospital care แก่ผู้ป่วยและผู้บาดเจ็บจากอุบัติภัยขนาดใหญ่ และภัยพิบัติ
พ.ศ.2525 ฝ่ายทหารได้จัดตั้งศูนย์รับแจ้งเหตุ 123 บริการประชาชนร่วมกับตำรวจ ให้บริการด้านป้องกันและระงับเหตุอาชญากรรม และมีรถพยาบาลให้บริการจำนวนหนึ่งด้วย แต่ให้บริการได้ไม่นานก็ยกเลิก
พ.ศ.2532 กรมการแพทย์
กระทรวงสาธารณสุข ได้รับจัดสรรงประมาณเพื่อสร้างอาคาร EMS ขึ้นที่โรงพยาบาลราชวิถี โดยมีวัตถุประสงค์ให้เป็นศูนย์กลางด้านการฝึกอบรมและการบริหารระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินในประเทศไทย
พ.ศ.2536 กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายจัดตั้ง ศูนย์อุบัติเหตุ(Trauma Center) ที่โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น โดยความช่วยเหลือทางเทคนิคจากองค์การระหว่างประเทศ JICA จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งครอบคลุมการพัฒนาให้มีการรักษาพยาบาลก่อนถึงโรงพยาบาลด้วย
พ.ศ.2537 สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร เริ่มให้บริการรถพยาบาลฉุกเฉินแก่ชาวกรุงเทพ เป็นไปตามแผนป้องกันอุบัติภัยของกทม. มีฐานปฏิบัติการอยู่รพ.วชิรพยาบาล โดยเรียกหน่วยปฏิบัติการว่า SMART (Surgico-Medical Ambulance and Rescue Team) มีหมายเลขรับแจ้งเหตุตรงที่ 1554 ให้บริการทางบกด้วยรถพยาบาลโดยประสานงานกับอาสาสมัครของตนเองเป็นหลัก และให้บริการทางน้ำด้วยเรือเร็วจากท่าน้ำสถานีดับเพลิงสามเสน ในระยะแรกเน้นไปที่ผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุ อุบัติภัยเป็นหลัก
พ.ศ.2538 วันที่10 มีนาคม 2538 กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้เปิดตัวโครงการต้นแบบการรักษาพยาบาล ณ จุดเกิดเหตุ โดยจัดตั้งศูนย์กู้ชีพขึ้นที่โรงพยาบาลราชวิถี ในนามศูนย์กู้ชีพ “นเรนทร” มีหมายเลขรับแจ้งเหตุตรงที่ 248-2222 เป็นโครงการบริการนำร่องการรักษาพยาบาล ณ จุดเกิดเหตุเป็นแห่งแรกที่ใช้หลักการของระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน กล่าวคือ ให้บริการทั้งผู้เจ็บป่วยฉุกเฉินจากอุบัติเหตุและจากภาวะเจ็บป่วยอื่นๆ ทั้งหมด เพื่อเป็นต้นแบบของการรักษาพยาบาล ณ จุดเกิดเหตุของประเทศไทย
พ.ศ.2539
1.
รพ.สังกัดกรุงเทพมหานคร เริ่มให้บริการรักษาพยาบาลฉุกเฉินก่อนถึงโรงพยาบาล
โดยเข้าร่วมเป็นเครือข่ายเดียวกับรพ.วชิรพยาบาล
2.
รพ.นพรัตน์ราชธานี และรพ.เลิดสิน
เริ่มให้บริการรักษาพยาบาลฉุกเฉินก่อนถึงโรงพยาบาล
โดยเข้าร่วมเป็นเครือข่ายกับศูนย์กู้ชีพนเรนทร รพ.ราชวิถี
3.
พยาบาลกู้ชีพโรงพยาบาลราชวิถีจำนวนหนึ่ง
ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากมูลนิธิโรงพยาบาลราชวิถี
ไปศึกษาดูงานระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน SAMU ประเทศฝรั่งเศส
4.
เริ่มการอบรมพยาบาลกู้ชีพ (Paramedic
Nurse) โดยโครงการร่วมมือระหว่าง New South Wales Ambulance ประเทศออสเตรเลีย และโรงพยาบาลราชวิถี ทำให้พยาบาลที่ปฏิบัติงานบนรถกู้ชีพทั่วประเทศ
มีความสามารถปฏิบติงานรักษาพยาบาล ณ จุดเกิดเหตุได้มีประสิทธิภาพดีขึ้น
พ.ศ.2540 ความร่วมมือระหว่าง New South Wales Ambulance และกรมการแพทย์ ได้ส่งพยาบาลไปศึกษาดูงานที่ประเทศออสเตรเลีย
พ.ศ.2541
1.
(ประมาณ) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
และโรงพยาบาลหัวเฉียว เปิดตัวศูนย์หัวเฉียวพิทักษ์ชีพ ช่วยเหลือประชาชน
โดยทำงานร่วมกับอาสาสมัครของตนเองเป็นหลัก
2.
พ.ศ.2541 เริ่มโครงการความร่วมมือระหว่างตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ
และโรงพยาบาลราชวิถี จัดอบรมตำรวจจราจรในโครงการฯ ให้มีความสามารถปฐมพยาบาล และช่วยเหลือคนใกล้คลอดได้ก่อนที่รถพยาบาลจะเดินทางไปถึง
โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วนที่การจราจรติดขัด
และช่วยอำนวยความสะดวกนำทางพารถพยาบาลให้เดินทางไปจุดเกิดเหตุ
และนำส่งโรงพยาบาลได้รวดเร็วขึ้น
พ.ศ.2541-42 เริ่มมีข้อตกลงร่วมกันในการแบ่งพื้นที่ให้บริการระหว่างหน่วยบริการของสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร และหน่วยบริการของเอกชน เพื่อลดปัญหาความสับสน และสิ้นเปลืองในการให้บริการ โดยหน่วยบริการสามารถวิ่งข้ามโซนได้ในกรณีอุบัติภัยกลุ่มชน (mass casualty) หรือได้รับการร้องขอเนื่องจากหน่วยบริการในพื้นที่ติดภารกิจ หมายเลขรับแจ้งเหตุมี 2 หมายเลขคือ 1554 และ 1669 ซึ่งถ้ามีการแจ้งเหตุนอกโซน ผู้รับแจ้งจะส่งต่อข้อมูลให้หน่วยบริการที่รับผิดชอบพื้นที่นั้นๆ
พ.ศ.2544 เมื่อวันที่ 2 เมษายน กระทรวงสาธารณสุขได้จัดตั้งสำนักงานระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน (ศูนย์นเรนทร กระทรวงสาธารณสุข) ซึ่งมีหน้าที่จัดระบบ และผลักดันระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินในประเทศไทย
พ.ศ.2545 กระทรวงสาธารณสุขตั้งนโยบายระบบ EMS เป็น 1 ใน 4 นโยบายที่มุ่งพัฒนาให้เกิดขึ้น
พ.ศ.2546
1.
วันที่ 11กรกฎาคม 2546 กระทรวงสาธารณสุขได้เปิดโครงการต้นแบบระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ใน 7 จังหวัดของประเทศไทย ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, ขอนแก่น, นครราชสีมา,นครสวรรค์,
ลำปาง, สงขลา, เพชรบุรี
2.
เป็นครั้งแรกที่ระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินในประเทศไทย
ได้รับการจัดสรรงบประมาณเฉพาะจากโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคจำนวน
10 บาทต่อ 1 หัวประชากรที่ลงทะเบียนในจังหวัดนั้นๆ
พ.ศ. 2547 กระทรวงสาธารณสุขได้ขยายผล เปิดโครงการตันแบบระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ใน 15 จังหวัดของประเทศไทย
พ.ศ.2550
1.
รัฐบาลมีนโยบายให้มีหน่วยบริการการแพทย์ฉุกเฉินครอบคลุมทุกจังหวัดในประเทศไทย
2.
สิงหาคม 2550 กรุงเทพมหานคร โดยศูนย์เอราวัณ สำนักการแพทย์ ได้รับมอบภารกิจจากสำนักงานระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน กระทรวงสาธารณสุข (ศูนย์นเรนทร กระทรวงสาธารสุข)
ในการดำเนินการระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินให้ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพมหานคร
3.
วันที่ 21 ธันวาคม 2550 สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้เห็นชอบผ่านพระราชบัญญัติการแพทย์ฉุกเฉิน
ภาพรถกู้ชีพ ที่ผ่านการรับรอง
สัญลักษณ์ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน
ตราสัญลักษณ์สำหรับกู้ชีพ ทั่วโลก
ดีมาก
ตอบลบCasino City, Connecticut | JMT Hub
ตอบลบWith over 6,000 slot machines 춘천 출장안마 in the gambling 계룡 출장안마 floor, this casino is 삼척 출장마사지 a favorite 대전광역 출장안마 among locals and 동두천 출장샵 visitors alike. · More Info Rating: 4 · 8 reviews